การลงทุนที่ดีที่สุดในชีวิตผม

4

September 22, 2012 by Lin

ผมผ่านชีวิตมาพอสมควรแก่เวลาที่จะกลับไปทบทวนทางเดินที่ผ่านมา และเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้น พร้อม ๆ กับการวางแผนสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ขอเขียนเรื่องของตัวเองซักนิดนึงครับ

เนื่องจากบล๊อคนี้เกี่ยวกับการเดินทางของชีวิต และการลงทุน ผมก็ขอจับเอาสองเรื่องนี้มาเรียบเรียง ถือว่าเล่าเรื่องเก่า ๆ ของตัวเอง รื้อฟื้นจาก time capsule ส่วนหนึ่งที่ผมเก็บไว้ส่วนตัว

แน่นอนว่าการลงทุนที่มีคุณภาพไม่พ้นต้องมองภาพใหญ่ การลงทุนครั้งใหญ่ ๆ ที่สำคัญในชีวิตบางครั้งไม่ใช่การเลือกหุ้นได้ 10เด้ง 100เด้ง แต่เป็นอย่างอื่นที่มีความหมายกับชีวิตมาก ๆ เป็นการลากจุดเชื่อมต่อกันเป็นเส้นอย่างที่ Steve Jobs ว่า ก็ลองดึง ๆ จุดที่มีอยู่ในอดีตมาเรียงดูว่าจุดไหนเป็นจุดสำคัญในการลงทุนของชีวิตผมบ้าง

1. ลงทุนในหนังสือสามก๊ก ฉบับพระยาพระคลัง (หน) (ราคา 500 บาท/สำนักพิมพ์ดอกหญ้า)
ผมทบทวนนิสัยการรักการอ่านดู ไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะผมอ่านมาตั้งแต่เด็ก ๆ เนื่องจากเป็นคนชอบเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ เช่นสมัยหนึ่งชอบไดโนเสาร์ สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่ที่แน่ชัดที่สุดว่าเริ่มเห็นเด่นชัดมาก ๆ คือหนังสือสามก๊ก หนังสือชุดนี้ ทำให้ผมมีความพยายามและจดจ่อกับหนังสือจนพัฒนาขึ้นมาเป็นการรักการอ่าน หนังสือเล่มหนา ๆ อ่านยาก ๆ ก็ไม่เป็นปัญหาของผมนับแต่นั้นมา

เล่มประมาณนี้ จำได้ว่าซื้อร้านดอกหญ้า ตรงข้ามกับไดโดมอนที่สยามสแควร์

และเนื่องจากนิสัยรักการอ่านนี่เอง พาให้ผมพบกับภูมิปัญญา และพัฒนาวิธีคิดของผมอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต ถ้าให้เลือกนิสัยสำคัญ ๆ ในชีวิตที่มีคุณภาพ นิสัยการรักการอ่าน คงจะเป็นนิสัยหนึ่งที่จำเป็นอย่างมาก การอ่านที่หลากหลาย โดยไม่ขัดข้องถึงความยาก ความง่าย ก็เป็นทักษะที่สำคัญ ผมอ่านสามก๊ก โดยที่ไม่พยายามไปเลือกแบบฉบับที่อ่านง่ายกว่าอย่างฉบับการ์ตูน หรือฉบับที่บางกว่า และผมเลือกค่อย ๆ อ่านจากจุดเริ่มต้น โดยที่ไม่สนใจว่าจะต้องไปอ่านส่วนที่เป็นไฮไลท์อย่างศึกผาแดง สิ่งที่ได้นอกจากอรรถรส ภาษาที่สวยงาม แนวคิดของวรรณคดีอิงประวัติศาสตร์ฉบับนี้ ก็คือรากฐานของชีวิตผม ทั้งเรื่องการอ่านและการเขียน (ล่าสุดผมเพิ่งอ่าน สามก๊ก ฉบับที่คุณก่อศักดิ์ CPALL เขียน สนุกมากครับ)

2. ลงทุนในค่ายอาสาพัฒนาชนบท (ราคา 0 บาท/ค่ายหอ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ค่ายอาสา ฯ ไม่เคยอยู่ในหัวผมเลย (เพราะไม่รู้จัก) ถ้าไม่เป็นเพราะเพื่อนรักคนหนึ่งของผมเอ่ยปากชวนเบา ๆ ในระหว่างทำ LAB วิทยาศาสตร์ด้วยกันในตอนปี 1 ด้วยความที่ค่อนข้างไม่คิดอะไรซับซ้อนก็ไม่ได้ปฏิเสธโอกาสถึงแม้เพื่อน ๆ ที่นัดจะไปด้วยกันเบี้ยวไปหมดพอถึงเวลาเดินทาง ครั้งนั้นผมไปที่โรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ในชนบทของจังหวัดนครศรีธรรมราช ผมเดินทางไปในที่ ๆ แปลกตา ที่ไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบที่ผมคุ้นเคย ได้สัมผัสชีวิตที่หลากหลาย ประสบการณ์ใหม่ ๆ สิ่งนี้ต่อยอดให้ผมได้ลองทำประสบการณ์ใหม่ ๆ ในอนาคตอย่างไม่เคอะเขิน เช่นการไปปีนเขาท่ามกลางหิมะ แบกเป้หนักสิบๆโล เพื่อไปกางเต๊นท์นอนบนกำแพงเมืองจีน เดินทางหมื่นลี้ตามเส้นทางสายไหมตามลำพัง แน่นอนว่าสิ่งนี้คือชีวิตผมอีกอย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งคือการทำกิจกรรมอาสาที่ผมชอบไม่แพ้กัน

ค่ายอาสา เป็นความทรงจำที่ยังหวานอยู่

นอกจากเรื่องการเดินทาง สิ่งที่วิเศษอีกอย่างคือผมพบกับภรรยาของผมในกิจกรรมค่ายอาสา การสร้างครอบครัวเป็นการลงทุนที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่งในชีวิต และผมโชคดีที่เลือกคู่ครองได้อย่างถูกต้อง คู่ครองเป็นคู่คิด แชร์ประสบการณ์ ความสุข ความทุกข์ยาก และที่สำคัญ คือการมีลูก ที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่คิดว่ามีอะไรวิเศษกว่านี้อีกแล้ว แน่นอนการมีลูกคือการลงทุน แม้ว่าจะพิสูจน์ได้ลำบากว่าเป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่ แต่ในแง่จิตใจแล้ว ผมคิดว่าผลตอบแทนนั้นประเมินไม่ได้

3. ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ (ราคา 31 บาท ค่ารถเดินทางโดยรถไฟฟ้าแวะที่ศูนย์สิริกิตติ์ และสมัครเปิดบัญชีโบรกเกอร์)
ในแง่การเงินแล้ว ก็คงไม่มีอะไรชัดเท่าสิ่งนี้ การเริ่มต้นลงทุนน่าจะวัดได้จากการแวะเข้าไปในงาน SET ที่จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดบัญชีหุ้นเล็ก ๆ ขึ้นมา ยังจำได้ว่าผมได้ของแถมในการสมัครมากมายจนไม่คิดว่า อะไรจะดีขนาดนี้ ได้ข้อมูลมานั่งอ่านเป็นถุง ๆ จำชื่องานไม่ได้ แต่น่าจะประมาณ SET in the city ยุคปี 2546-47 การลงทุนในตลาดก็นำพามาซึ่งอิสรภาพทางการเงิน วิถีทางการใช้ชีวิตในเวลาต่อมา คงต้องยกประโยชน์ให้กับการเปิดใจลองสิ่งใหม่ ๆ (เพราะที่บ้านค่อนข้างไม่เห็นด้วยในการลงทุนในตลาดหุ้นพอสมควร) ผสมผสานกับนิสัยในการรักการศึกษา ยังจำได้ว่าอ่านเยอะมาก เพราะมีอะไรน่าเรียนรู้ไปหมด และเป็นภาพที่ต่อจากช่วงที่ผมเรียนหนังสือตอนปริญญาตรี ที่ผมชอบอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจมากจนเป็นชีวิตจิตใจ

การนั่งอ่านหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ตลอดเวลา 4 ปีที่เรียนวิศวะคือจุดเริ่มที่แท้จริงของการลงทุนของผม

ในบล๊อคนี้ผมเคยเล่าจุดเริ่มต้นไว้คร่าว ๆ หลายครั้ง มหัศจรรย์ของการลงทุนในตลาดเป็นมหัศจรรย์ของการทบต้น ระยะเวลาที่ผ่านมา ด้วยการเก็บเล็กผสมน้อย มันก็ค่อย ๆ เพิ่มพูนใหญ่ขึ้น การทำงานเรามีขีดจำกัดของเวลาและความสามารถของเรา แต่การลงทุนเหมือนเราจะสามารถทะลุขีดจำกัดเหล่านี้ได้ และโชคดีที่ผมได้เจอแนวทางที่ผมชอบตั้งแต่แรก ๆ ถึงแม้ว่าช่วง 1-2 ปีแรก ผมจะอ่านหนังสือทุกแนว (ปัจจุบันก็ยังพลิกอ่านทุกแนวอยู่ แต่เลือกอ่านจริงจังบางแนว) ตั้งแต่แนวเทคนิค พื้นฐาน สุดท้ายผมก็ตัดสินใจลงทุนแนวพื้นฐานเป็นหลัก และเข้มข้นกับมันมาก แทบจะไม่มีส่วนผสมอื่น ๆ ปนอยู่ในการลงทุนแนวพื้นฐาน จะมีก็แต่วิธีคิดที่เติบโตขึ้นตามระยะเวลาการลงทุน (อาจจะเรียกว่าแก่ลงหรือขี้เกียจลงคงได้ ^^)

สุดท้ายการเดินทางก็ยังมีต่อไป จุดที่ยืนอยู่ก็จะกลายเป็นอดีต และกลายเป็นประวัติศาสตร์ ที่ควรค่าแก่การจดจำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทิศทางและส่วนผสมเล็ก ๆ ที่เราทำในวันนี้ครับ