About me

เป็นคนชอบเขียน ชอบอ่าน ถ่ายทอดความคิดและแชร์ให้คนอื่นฟัง ผ่านมาตั้งนาน เขียนไปตั้งเยอะ กระจัดกระจาย เคยเขียนคอลัมภ์ลง Magazine ผู้ชายเป็นครั้งคราว ตอนนี้คิดว่าน่าจะรวบรวมเอามาใส่เป็นบล็อคซะที จะทะยอย ๆ เอามาลง และเขียนใหม่เรื่อย ๆ ตามจินตนาการจะพาไป

ชีวิตตั้งแต่เกิดมา ไม่ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ เป็นรูทีน แม้จะอยู่ในกรอบที่ว่าจะต้องเรียนหนังสือให้ดีที่ปลูกฝังจากบ้านแต่เล็ก สมัยเด็กก็สะสมสิ่งที่คนเรียกว่าใบเซอร์ (cerfiticate) โตหน่อยก็เรียกเกียรตินิยม ก็จะแล้วแต่คนเรียกมัน ได้มาถึงจะภูมิใจ แต่ก็เทียบไม่ได้กับการหนุนนำให้ผมชอบเรียนรู้ ชอบอ่านหนังสือ ตั้งแต่เด็ก ๆ เริ่มอ่านเรื่องลึกลับ ไดโนเสาร์ มนุษย์ต่างดาว พ่อซื้อเอนไซโคพิเดียให้ ก็อ่านมันจบทุกเล่ม เป็นสิ่งที่พาให้เด็กที่เดียงสาคนหนึ่งตื่นตาตื่นใจว่าโลกใบนี้มันกว้างจริง ๆ

สมัยเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ ชอบไปเล่นอิเล็คโทรนิค ชุดคิต ต่อไปเรื่อย ในทางกลับกันเจออะไรก็ชอบแกะ เครื่องเกมส์ที่บ้านตั้งแต่ Atari, Famicom, Super Famicom, Mega Drive, Play Station ก็ลองแกะมาหมด โตขึ้นมาหน่อยชอบเครื่องเสียง ฟังเยอะมาก จริงจังมาก ขยายไปชอบฟังเพลงคลาสสิค บาโรค แจ๊ซ ฟังไปหมด มองตัวเอง ก็รู้ตัวเลยว่าเป็นคนชอบศึกษา ทำอะไรจะทำจริงจังจนโอเวอร์ในหลาย ๆ ครั้ง

สมัยเรียนวิศวะ จุฬาฯ ได้เพื่อนดี พาไปทำกิจกรรมมากมาย ทำค่ายอาสาพัฒนาชนบท ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิต และเป็นสถานที่ ๆ ผมนำผมพบกับแฟนคนปัจจุบัน การออกค่ายก็เป็นส่วนหนึ่งที่ ทำให้ผมเห็นถึงความอยากรู้อยากเห็น อยากผจญภัย อยากลองสิ่งใหม่ ๆ ของตนเอง เป็นตัวนำพาความรู้สึกอยากท่องเที่ยว เมื่อประจวบกับที่ผมได้เจอหนังสือ ชื่อ Lonely planet เป็นจุดเริ่มต้นที่พาผมและเป้แห่งความฝันเดินทางไปในสถานที่มากมายบนโลกใบนี้

เริ่มทำงานครั้งแรกปี 2003 ได้โอกาสที่ดี เจอเจ้านายหลายคนที่เก่ง และให้โอกาส (ทั้ง ๆ ที่จบวิศวะ แต่ให้มาทำการตลาดต่างประเทศ) สนุกมากที่ได้เดินทางไปเปิดโลก เปิดการค้าใหม่ ๆ ให้กับบริษัท Thai Paper ในเครือซิเมนต์ไทย ส่วนงาน International Department ตั้งแต่ยังเป็น junior สร้างการค้าใหม่ ๆ มูลค่าเป็นพันล้าน ภูมิใจมาก รับผิดชอบตลาดที่มีชาวจีนปนอยู่ เช่นมาเลเซีย สิงค์โปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน จนมาตกที่จีนแผ่นดินใหญ่ ประเทศที่ผมเดินทางด้วยเครื่องบินจนทำเอาผมกลัวเครื่องบิน ชีวิตทำงานที่นี่จะว่าไปก็คุ้มค่ามากได้เห็นอะไรดี ๆ เยอะโดยเฉพาะในจีน และเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงหัว (Tsinghua University) แทนที่จะไปสอบเอาทุนแล้วไป MIT อย่างคนปกติในปูนซิเมนต์ไทยเค้าทำกัน (แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะสอบ MIT ได้นะ ฮา)

นอกจากนั้น ผมจำได้ไม่สนิทนัก พยายามนึกขึ้นมาให้ได้เหมือนกันว่า ผมเริ่มลงทุนหุ้นยังไง จำได้ว่าเปิดบัญชีหุ้นกับกิมเอ็งช่วงปี 2004 โดยผ่านคุณแม่ หลังจากนั้น ผมก็ไปเดินงานที่ศูนย์สิริกิติ์แล้วก็จับพลัดจับพลูไปเปิดบัญชีหุ้นกับกรุงศรี เริ่มซื้อขายตอนแรกก็ไม่รู้จักอะไร ซื้อ KBANK ที่สี่สิบกว่าบาท ห้าสิบก็ขาย ซื้อแค่ 500 หุ้นเองมั้ง หาข้อมูลไป ๆ มา ๆ พบเวป thaivalueinvestor.com เข้า (ปัจจุบัน thaivi.org) ก็เหมือนพบเส้นทางการลงทุนของชีวิต ตั้งแต่เริ่มต้นลงทุนดัชนี 600 กว่าจุดห้าปีที่แล้ว ณ วันนี้ต่ำกว่า 600 จุด แต่พอร์ตโตหลายร้อยเปอร์เซนต์ ซื้อขายจากหลักร้อยหุ้น เป็นหลักหมื่น หลักแสนหุ้นต่อล๊อต ก็ไม่น่าเชื่อตัวเองเหมือนกัน

อีกอย่าง เรื่องการลงทุน บ้านผมแอนตี้มากตั้งแต่เด็ก ๆ คงเพราะอากู๋ผม ขาดทุนหุ้นเยอะ และคนรอบตัวพ่อแม่ทุกคนก็เป็นเหมือนกัน นอกจากนั้นที่บ้านก็เคยลงทุนพวก commodity จนขาดทุนไปมาก การที่สามารถแหกด่านทางความคิด ทำให้สามารถคนที่บ้านเชื่อใจ จนภายหลังนำเงินมาฝากและให้ช่วยปรับพอร์ตการลงทุนในบ้าน จากที่ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4-6% ก็กลายเป็นมากกว่า 20% วิวัฒนาการตรงนี้ ผมคงต้องขอบคุณ thaivi.com ปรมาจารย์การลงทุนแบบ value investor ทุกคน และมันเป็นแรงบันดาลใจหนึ่งที่ทำให้เกิดบล็อคนี้ด้วย

นอกจากนั้น ชีวิตก็ผันผวน เจออุปสรรคหลายอย่างโดยเฉพาะก่อนเรียน MBA ที่มหาวิทยาลัยชิงหัว ปักกิ่ง เพราะคุณแม่ป่วย อยากปฏิบัติเพื่อทำบุญให้ท่านหาย (ปัจจุบันหายดีแล้ว) ซึ่งนำพาผมเริ่มต้นเดินบนเส้นทางธรรม ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เคยคิดตั้งแต่เป็นเด็ก เพราะวิชาที่ผมอ่อนที่สุดคือพุทธศาสนา จำได้ว่าไม่รู้จะท่องไปทำไมว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้หรือปรินิพพานที่ไหน มาวันนี้ ถึงผมยังรู้ไม่แน่ชัดอยู่ดี แต่ที่รู้คือผมเข้าใจพุทธศาสนามากขึ้นมาก และการปฏิบัติธรรมก็มีอานิสงค์ การใช้ชีวิตแบบมีสติ ช่วยในการดำเนินชีวิตผมมากมายหลายเรื่อง

บล็อคนี้จะว่าไปแล้วก็อยากคุยเรื่องทุกอย่างคงไม่ได้ แต่เอาเป็นเรื่องที่ผมน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนอ่านได้ คือ เรื่องประเทศจีน เรื่องการลงทุนแนว VI เรื่องการท่องเที่ยว และปรัชญาหรือมุมมองผมในการดำเนินชีวิต ทุกเรื่องข้างต้นจะถูกขยายความให้เป็นเนื้อเรื่องที่เรียบเรียงในแบบของผม

หมายเหตุ : ปัจจุบันผู้เขียน เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทของประเทศจีนแห่งหนึ่ง สอนหนังสือวิชาการเงินและบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นกรรมการของบริษัทครอบครัวสองบริษัทคือ Capital Plus Consulting Group (ธุรกิจการที่ปรึกษาทางเงินครบวงจร การบัญชีและตรวจสอบบัญชี) และ Hursoon Insurance (ธุรกิจประกันภัย) และเป็นนักลงทุนครับ

วีระพงษ์ ธัม

Archives

Blog Stats

  • 359,160 hits